
บรรณอยากบอก
10 เรื่องน่ารู้ของวันวาเลนไทน์
1. วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine)
นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เพราะในยุคนั้นมีกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแต่งงานของพวกคริสเตียน แต่เซนต์วาเลนไทน์ยังแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขัง และรับโทษ โดยในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ด้วยความรัก และคำอธิษฐาน พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ แต่เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจ และยึดถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก
2. ความเชื่อวันวาเลนไทน์
ตามความเชื่อในวันวาเลนไทน์ที่มีมาตั้งแต่โบราณ เชื่อว่าถ้าสาวรายใดเห็นนกโรบิน บินผ่านศีรษะตัวเองในวันวาเลนไทน์ สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับทหารเรือ และถ้าสาวรายใดเห็นนกกระจอก สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับคนจนแต่มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ตลอดชีวิต และถ้าได้เห็นนกโกลฟินซ์ สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับเศรษฐี
3. การมอบดอกกุหลาบให้กัน
ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก โดยตำนานกรีกได้กล่าวว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อโดนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือด และน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้ม หรือ ดอกกุหลาบ ที่สื่อความหมายแทนข้อความ และดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ความโรแมนติก อีกด้วย
4. การมอบช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตสมัยก่อนเป็นสินค้าหายาก และมีราคาแพง คนรักจึงมักใช้เป็นของขวัญให้กัน และช็อคโกแลตยังสามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข (Endorphin) ออกมา ช่วยคลายเครียด และทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ได้
5. ส่งการ์ดให้กัน
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 การส่งการ์ดที่เขียนด้วยลายมือ และสัญลักษณ์อื่น ๆ ของความเสน่หา คือ ประเพณีที่นิยมทำกันในวันวาเลนไทน์ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งการส่งการ์ดให้กัน นอกจากจะได้บอกความในใจแล้วยังคลาสสิคสุด ๆ อีกด้วย
6. ทำไมกามเทพถึงเป็นสัญลักษณ์ของความรัก
ก่อนที่เขาจะถูกเรียกว่า กามเทพ ชาวกรีกเรียกชื่อเทพสวรรค์นี้ว่า Eros ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ตามตำนานเทพเจ้ากรีกกามเทพมีลูกศรอยู่ 2 แบบที่ทำให้มนุษย์ตกหลุมรัก และเกลียดกัน ส่วนในตำนานของโรมันกามเทพเป็นบุตรชายของเทพวีนัส ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความรัก ทั้งนี้ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาศิลปินวาดกามเทพเป็นพุตโต เทวดาเด็กกึ่งเปลือยกาย จากนั้นมาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ยอดนิยมในวาเลนไทน์นั่นเอง
7. วาเลนไทน์ไม่ได้หมายถึงคู่รักเท่านั้น
วันวาเลนไทน์สามารถแสดงความรักได้กับทุกคน และข้อมูลยังเปิดเผยอีกว่า ครูเป็นคนที่ได้รับของขวัญวาเลนไทน์มากที่สุด รองลงมาคือลูกที่ได้รับของขวัญจากพ่อ แม่ รวมถึงวันนี้ยังเปิดโอกาสให้เราแสดงความรักกับเพื่อนร่วมโลกทั้งคนที่ด้อยโอกาส สัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ซึ่งพลังของความรักไม่ได้จำเพาะอยู่แค่คู่รักของเราเท่านั้น
8. ความแตกต่างของวันวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่น
ในวันวาเลนไทน์สำหรับญี่ปุ่น ภรรยาจะเป็นผู้ให้ และสามีเป็นผู้รับ จุดเริ่มต้นนี้มาจากบริษัทช็อกโกแลตชื่อดัง Morozoff ที่สื่อสารเรื่องเทศกาลของชาวตะวันตกผิดพลาด แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 มีนาคม ชาวญี่ปุ่นก็จะเฉลิมฉลองในวัน ‘White Day’ คือเป็นการตอบรับของฝ่ายชายที่ได้รับจากฝ่ายหญิงเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
9. เกาหลีใต้มีวันแห่งความรักมากที่สุดในโลก
ประเทศเกาหลีใต้มีวันแห่งความรักทุกเดือน โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน จะเป็นช่วงวันแห่งความรักที่สำคัญที่สุด ในเดือนกุมภาพันธ์ หญิงสาวจะมอบขนมหวานให้กับผู้ชาย พอถึงเดือนมีนาคม ผู้ชายต้องมอบของขวัญให้กับผู้หญิงตอบแทน ส่วนเดือนเมษายน เหล่าคนโสดที่ไม่ได้รับของขวัญวันวาเลนไทน์จะมารวมตัวกันกินจาจังมยอน หรือบะหมี่ราดซอสดำเพื่อปลอบใจตัวเอง
10. ความรักแบบเดนมาร์ก
สำหรับหนุ่มแดนโคนมเดนมาร์ก มักจะส่งการ์ดที่มีคำกลอนไปหาคนที่เขารักในวันนี้ แต่ไม่มีการลงชื่อท้ายการ์ด แต่ใช้จุดแทนการลงชื่อ ซึ่งหนึ่งจุด จะแทนตัวอักษรชื่อของเขา หนึ่งตัวอักษร หากสาวคนนั้นทายชื่อถูก เขาก็จะได้รับไข่อีสเตอร์ เป็นรางวัล ที่ทำให้น่ารักแบบเบา ๆ และอบอุ่นหัวใจ